top of page

4 เรื่องที่ไม่ควรห้ามลูก

🌈 “เรื่องที่ไม่ควรห้ามลูก” มีอะไรบ้าง  วันนี้เรามาดูกันค่ะ 

💥 มีอยู่หลายเรื่องด้วยกันที่คุณพ่อคุณแม่ห้ามลูกทำเป็นประจำเพราะเราคิดว่ามันไม่ดีกับเด็ก แต่มีนักการศึกษาได้บอกไว้ว่าบางเรื่องก็ไม่ควรห้ามค่ะ แต่ควรให้ลูกทำโดยอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองนะคะ


⭐️ 1.ไม่ควรห้ามเมื่อลูกอยากช่วยงานบ้าน

ข้อนี้หลายครอบครัวบอกเลยนะคะว่า  บางทีเวลาที่ลูกมาช่วยงานบ้านนี่ไม่แน่ใจว่ามาช่วยทำความสะอาดหรือว่าช่วยทำให้รกกันแน่ จริง ๆ แล้วเราควรจะปล่อยให้ลูกช่วยนะคะ 

แต่สิ่งที่ต้องมีคือความอดทนในการสอน คุณพ่อคุณแม่อาจจะเตรียมใจนิดหน่อยว่าเราอาจจะต้องมาตามเก็บทีหลังด้วย การทำงานบ้านของเด็กนั้นก็ช่วยสร้างความเป็นระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก และการที่คุณพ่อคุณแม่คอยดูอยู่จะการเสริมความมั่นใจได้ตัวเด็ก และความเป็นอิสระในตัวเองค่ะ


⭐️ 2. ไม่ควรห้ามหากลูกอยากซื้อของ (ต้องเป็นเงินเก็บของเขาเอง)

บางทีน้องๆ หลายคนเวลาเดินผ่านร้านของเล่นก็เกิดความอยากซื้อขึ้นมาเลยนะคะ แนะนำว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรพูดจาสไตล์ห้ามปรามกับลูกห้วน ๆ นะคะ เพราะเด็กจะเกิดความคับข้องใจและพัฒนาเป็นความเก็บกดเรื่องเงินได้  ทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่ควรที่จะอธิบายให้น้อง ๆ เข้าใจเพื่อสอนการใช้เงินค่ะ เช่น อาจจะบอกว่าหากลูกมีเงินออมก็สามารถเอามาใช้จ่ายได้บ้างถ้าราคาเหมาะสม หรือหากไม่มีเงินออมก็ต้องอดใจไว้ หรือช่วยทำงานบ้านแลกกับค่าแรง ก็จะเป็นการสอนให้เด็กรู้จักคุณค่าของเงินค่ะ


⭐️ 3. ไม่ควรห้ามเมื่อของอยากถอดรื้อสิ่งของ

ทราบหรือไม่คะว่าที่ต่างประเทศมีนักวิทยาศาสตร์หรือนักประดิษฐ์หลายๆ คนเล่าว่านิสัยตอนเด็กคือชอบถอดรื้ออุปกรณ์สิ่งของออกมาดูเล่น หากลูก ๆ ที่บ้านมีความอยากรู้อยากเห็น ชอบรื้อแกะอุปกรณ์สิ่งของของเล่น คุณพ่อคุณแม่สามารถอนุญาตได้นะคะ แต่ควรจะมีขีดจำกัด เช่น รื้อแกะได้แต่เป็นอุปกรณ์ที่เสีย เก่า หรือเป็นของที่ไม่ใช้แล้ว เป็นต้นนะคะ แต่หากลูกยังอายุน้อยอยู่อาจจะต้องรอให้โตอีกซักหน่อยด้วยค่ะ


⭐️ 4. ขว้างปาสิ่งของ

การขว้างของเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อมัดเล็ก การควบคุมร่างกาย และช่วยพัฒนาสมองส่วนหน้าและส่วนกลีบข้างค่ะ เด็กจะเรียนรู้เรื่องความเร็ว วิถี Trajectory แถมยังต้องคิดอีกว่าขว้างแบบไหนจะไปโดนเป้าหมาย ทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมลูกบอล หรือของนุ่มให้ขว้าง และเตรียมสถานที่โดยเฉพาะจะได้ไม่เป็นการทำของเสียหายนะคะ



⭐️ ขอขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจาก TED talk (Gever Tulley นักการศึกษาและนักเขียน)

bottom of page